เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 10 มี.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน191 โดยมี พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต และข้าราชการตำรวจ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาศูนย์บริการประชาชน ที่สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน โดยการพัฒนาปรับปรุงระบบสารสนเทศและการสื่อสาร โทรศัพท์สายด่วน 191 ซึ่งหน่วยงานตำรวจส่วนใหญ่มีการใช้งาน และเป็นที่จดจำของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ให้เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ที่สามารถควบคุมและสั่งการปฏิบัติที่มีเอกภาพ เรียกว่า ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัด ในแต่ละจังหวัดเพียงแห่งเดียว
ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกองตำรวจสื่อสาร จัดทำ “โครงการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตำรวจภูธรจังหวัด” ขึ้น ตามโครงการระยะที่ 1 และ 2 รวมจำนวน 20 จังหวัด และสำหรับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อยู่ในโครงการระยะที่ 3 ประกอบด้วย 5 จังหวัด คือ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ นราธิวาส และภูเก็ต
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวอีกว่า การปรับปรุงศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 นี้ มีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข 191 เพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น ณ ที่ใดก็ได้ทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือ หรือระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที เพราะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินที่สูญเสียไป ทำให้ประชาชนไม่สับสน ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินอีกต่อไป
“หลังจากนี้การแจ้งเหตุจากทุกพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ตจะเข้าตรงไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน191 ทั้งหมด และการรับแจ้งเหตุก็จะมีการเก็บข้อมูลและบันทึกเสียงเพื่อเก็บไว้ตรวจสอบ เชื่อว่าการเปิดศูนย์ดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้เร็วขึ้นภายในไม่กี่นาที นอกจากนั้นยังช่วยลดปัญหาการโทรศัพท์เข้ามาก่อกวนได้อีกด้วย”
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวต่อไปอีกว่า การจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแบบใหม่นี้ ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่นเดียวกับศูนย์ Call Center ของภาคเอกชน โดยระบบจะจัดการเสียงและข้อมูลแจ้งเหตุในรูปแบบดิจิตอล ส่งผ่านไปยังสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุจากบุคคลและอุปกรณ์ ในการจดบันทึกเหตุและการประสานงานที่ไม่ชำนาญของเจ้าหน้าที่ สามารถสืบค้น รวบรวมข้อมูล ทั้งฐานข้อมูลบุคคล แผนผังสถานที่ในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และที่สำคัญประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา
“ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแบบใหม่นี้ ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่นเดียวกับศูนย์ Call Center ของภาคเอกชนมาใช้ โดยระบบจะจัดการเสียงและข้อมูลแจ้งเหตุในรูปแบบดิจิตอล ส่งผ่านไปยังสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุจากบุคคลและอุปกรณ์ ในการจดบันทึกเหตุและการประสานงานที่ไม่ชำนาญของเจ้าหน้าที่ สามารถสืบค้น รวบรวมข้อมูล ทั้งฐานข้อมูลบุคคล แผนผังสถานที่ในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และที่สำคัญประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น