วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

เจ้าท่าภูเก็ตผุดโครงการ "ลงเรือขึ้นเครื่อง”

เจ้าท่าภูเก็ตผุดโครงการ "ลงเรือขึ้นเครื่อง” โดยการเพิ่มเส้นทางจราจรทางน้ำ จากสนามบินไปหาดป่าตอง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว-ลดปัญหาการจราจรติดขัด

              
                เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 27 มี.ค.ที่ห้องประชุมศูนย์ราชการกระทรวงการคลัง (ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต)  อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณารายละเอียดเบื้องต้นการจัดทำโครงการลงเรือขึ้นเครื่อง เส้นทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง นำเสนอโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางหรือระบบขนส่งมวลชนให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยสามารถกำหนดเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้แน่นอน เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพื่อลดจำนวนผู้โดยสารที่แออัดในสนามบิน
                โดยมีนายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต นายวงศกร นุ่มชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจาก ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติสิรินาถ วิทยุการบินภูเก็ต การท่าอากาศยานภูเก็ต เข้าร่วม
                นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเสนอจัดทำโครงการฯ ว่า ด้วยจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตในปีที่ผ่านมามีจำนวนมากถึง 9.5 ล้านคน ซึ่งในปัจจุบันนี้การเดินทาง หรือขนส่งมวลชนนั้นอาศัยการเดินทางโดยรถโดยสารเพียงอย่างเดียว ดังนั้นสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จึงมีแนวคิดริเริ่มที่จะเพิ่มเส้นทางจราจรทางน้ำอีกเส้นทางหนึ่ง โดยจะเปิดเส้นทางแรกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง
                เนื่องจากปัจจุบันนี้เส้นทางจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตองนั้นจะต้องอาศัยรถยนต์ส่วนตัว,รถโดยสารประจำทางหรือรถแท็กซี่ ทำให้การจราจรทางบกหนาแน่นติดขัดในช่วงเวลาที่เร่งด่วนรวมถึงระยะทางจราจรทางบกนั้นมีระยะทางที่มากกว่าระยะทางน้ำ ดังนั้นการเปิดเส้นทางเดินเรือระหว่างสนามบิน-หาดป่าตอง จะเป็นการขนส่งมวลชนอีกทางหนึ่ง ที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งของนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยกำหนดเวลาถึงที่หมายที่แน่นอน
                นายภูริพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จึงทำให้มีปัญหาด้านการจราจรติดขัด เนื่องจากมีจำนวนรถยนต์มากขึ้นแต่พื้นที่ที่จะขยายพื้นผิวจราจรมีจำกัด การเพิ่มการเดินทางเส้นทางใหม่ๆ หรือระบบขนส่งมวลชนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
                โดยเส้นทางการเดินทางจากท่าอากาศยาน นานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตองปัจจุบันมีเส้นทางเดียว โดยใช้รถโดยสาร(แท็กซี่) ซึ่งคำนวณการเดินทางได้ ดังนี้ เส้นทางการจราจรทางบก มีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางในเวลาปกติประมาณ  60  นาที  ใช้เวลาเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนประมาณ  90 นาที เส้นทางเดินเรือมีระยะทางประมาณ 13.5 ไมล์ทะเลหรือ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยเรือเร็ว(สปีดโบ๊ท) (ความเร็วประมาณ 35 น็อต) ประมาณ 25  นาที ใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสาร (ความเร็วประมาณ 20 น็อต) ประมาณ 40 นาที
                นายภูริพัฒน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเป้าหมายของจัดทำโครงการฯ ดังกล่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น และสร้างความประทับใจครั้งแรกแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน รวมทั้งระยะทาง ระยะเวลาในการเดินทาง ซึ่งถ้าโครงการนี้ผ่านการอนุมัติ จังหวัดภูเก็ตจะมีท่าเรือประจำที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และสามารถที่จะทำเป็นโครงการต่อเนื่องได้ โดยเพิ่มเส้นทางจากท่าเรือที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตไปยังท่าเรือต่างๆ รอบเกาะภูเก็ตต่อไป ซึ่งเส้นทางแรกของโครงการคือท่าอากาศยานภูเก็ต-หาดป่าตอง นั้นสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี    
                อย่างไรก็ตามหลังจากการนำเสนอจัดทำโครงการดังกล่าว ในเบื้องต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของวิทยุการบิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุทยานแห่งชาติสิริ โยธาธิการและผังเมืองภูเก็ต เห็นด้วยที่จะให้มีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจร จากหาดป่าตองไปสนามบินภูเก็ต ซึ่งจะทำให้ประหยัดทั้งเวลาและเชื้อเพลิง แต่อย่างไรก็ตามแต่ละหน่วยงาน รวมถึงในส่วนของสำนักงานเจ้าท่าฯ จะต้องไปศึกษารายละเอียดข้อกฎหมาย ว่าทำอะไรบ้าง รวมถึงในเรื่องของความปลอดภัย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงๆ เป็นอย่างไร
                โดย น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวสรุปว่า จากการฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ขัดข้อง เพราจะช่วยแก้ปัญหาด้านการจราจรได้ แต่ก็ต้องไปพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น กฎหมายผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายอุทยานฯ เป็นต้น นอกจากนี้เนื่องจากพื้นที่ที่จะสร้างท่าเทียบเรือในฝั่งท่าอากาศยานภูเก็ต นั้นเป็นพื้นที่ที่ทางธนารักษ์ให้บริษัทวิทยุการบินฯ เช่า และอาจจะไปเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของการขึ้นลงเครื่องบินของท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจะต้องไปหารือกับบริษัทวิทยุการบินฯ และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยด้วย ก่อนที่จะมีการเดินทางศึกษาความเป็นไปได้ และขอรับการจัดสรรงบประมาณจากกรมเจ้าท่าต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น