วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เปิดจองพระหลวงพ่อแช่ม รุ่น 104 ปีช่วย"ภูเก็ตเกมส์"




วัดฉลองเปิดจองพระหลวงพ่อแช่ม รุ่น 104 ปี ทำจากพลอยรัสเซีย 7 สีตามวัน วันแรก คึกคัก เพียงชั่วโมงเดียวมีผู้สนใจมาจองรวมเป็นเงิน กว่า 1 แสนบาท เพื่อนำรายได้สมทบทุน การจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ “ภูเก็ตเกมส์ ครั้งที่ 28” ปี 2555

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่วัดไชยธาราราม หรือวัดฉลอง ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นวันแรกที่ทางวัดฉลองได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาจองพระหลวงพ่อแช่มรุ่น 104 ปี ที่ทางวัดได้จัดสร้างขึ้นจากพลอยรัสเซีย 7 สีตามวัน เพื่อนำรายได้สนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภูเก็ตเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ ในปี 2555 นั้น ปรากฏว่าเพียงชั่วโมงเดียวมีประชาชนสนใจมาจอง รวมเป็นเงินกว่า 1 แสนบาท
พระพงษ์ศักดิ์ เตชวณฺโณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไชยธาราราม(วัดฉลอง) ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ทางวัดได้ให้การสนับสนุนการจัดแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภูเก็ตเกมส์ ครั้งที่ 28 พ.ศ.2555 โดยการจัดสร้างพระ หลวงพ่อแช่ม รุ่น 104 ปี จากหยกรัสเซีย เป็นวัตถุมงคล 7 สีตามวัน ให้กับทางจังหวัดจำนวน 12,000 ชุด และจัดทำเป็นรูปองค์เดี่ยว สีคละกัน จำนวน 16,000 องค์ และกำหนดให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจำหน่ายให้ญาติโยมนำไปบูชาในราคาชุดละ 3,500 บาท และจำหน่ายในราคาองค์ละ 500 บาท รวมพระทั้งหมด 1 แสนองค์ ถ้าคิดเป็นเงิน ประมาณ 50 ล้านบาท
พระพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 22 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ที่อุโบสถวัดฉลอง ทางวัดจะได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ ชื่อดังทางภาคใต้หลายรูป อย่างเช่น พระเกจิอาจารย์ จากวัดควนเนียน วัดเมืองยะลา วัดบางโพธิ์ เหล่านี้เป็นต้น มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลดังกล่าวให้กับทางจังหวัด
“ทางวัดได้ขออนุญาตจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่า เรื่องการจองนั้น วัดจะเป็นผู้กระทำเอง เพื่อให้ญาติโยมที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสนับสนุนกีฬาเยาวชนแห่งชาติในครั้งนี้ ได้มาจองที่วัดฉลองแห่งเดียวโดยทางวัดจะจัดทำบัญชี ร่วมกับทางท่านผู้ว่าฯ การเบิกจ่ายอะไรต่างๆ ต้องให้ผู้ว่าฯ กับวัด เป็นคนดำเนินการทั้งหมด”
นอกจากนี้ พระพงษ์ศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ ด้วยว่า ทางวัดเมตตาให้ทางจังหวัดไปทั้งหมด 46 ล้าน ส่วนที่เหลืออีก 4 ล้าน ทางวัดจะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายกล่อง สำหรับบรรจุองค์พระ เรื่องการเปิดจอง การนิมนต์พระมาสวดพระพุทธมนต์ พุทธาภิเษก รวมถึงค่าพาหนะต่างๆ ในการดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคล ครั้งนี้ ซึ่งทางวัดจะใช้จ่ายในส่วน 4 ล้าน ส่วนที่เหลือให้ทางจังหวัดทั้งหมด
ส่วน เรื่องการสั่งจอง ผู้สนใจ สามารถสั่งจองได้ที่วัดฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และกำหนดวันรับวัตถุมงคลในวันที่ 23 ม.ค.2555 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป
ขั้นตอนการสั่งจอง นำบัตรประจำตัวประชาชน,ลายเซ็นผู้จอง และใบสั่งจองจะต้องมีตราประทับของวัด ส่วนในกรณีที่บัตรสั่งจองสูญหาย ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนวันที่ 15 ม.ค.2555 เท่านั้น พร้อมสำเนาบัตรประชาชน และจะต้องเซ็นให้ตรงกับวันมารับวัตถุมงคล เพื่อทางวัดจะได้คัดหาเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานในการของรับวัตถุมงคล และทำการอายัดเลขที่ใบสั่งจองไว้ล่วงหน้า หมายเหตุในกรณีที่ไม่ใช้บัตรประจำตัวประชาชน หากใบสั่งจองเกิดการสูญหาย ทางวัดไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ภูเก็ตเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้ารางเบาให้เสร็จภายในปี 2554



เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 พ.ค. นายกวางซิก ชุน (KWANGSIK CHUN) ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จุง ยาง พัฒนา จำกัด (JUNG YONG DEVELOPMENT CORP) ซึ่งเป็นนักลงทุนจากประเทศเกาหลี พร้อมคณะ เข้าพบนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงานศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อเสนอตัวและยืนยันความพร้อมในการลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาของจังหวัดภูเก็ต พร้อมเชิญชวนทางจังหวัดภูเก็ตไปดูความมั่นคงและความพร้อมของบริษัท ตลอดจนศึกษาดูงานเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ประเทศเกาหลี
สำหรับบริษัทจุง ยาง พัฒนา จำกัด มีผลงานการก่อสร้างโรงงานปูนซิเมนต์และสนามกอล์ฟที่ประเทศเวียดนาม และการก่อสร้างเขื่อนทางตอนใต้ของประเทศลาว
นายตรี กล่าวว่า ทางนายกวางซิก ชุน ได้ส่งเอกสารแจ้งความจำนงในการที่จะลงทุนรถไฟฟ้าของจังหวัดภูเก็ต และเพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีความพร้อมอย่างแน่นอน โดยจะมีการจดทะเบียนบริษัทที่ประเทศไทย พร้อมกันนี้ก็จะได้เชิญทางจังหวัดเดินทางไปประเทศเกาหลีเพื่อดูความมั่นคงของบริษัทฯ รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าของประเทศเกาหลี หลังจากนั้นก็จะได้มีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้าง ซึ่งได้เสนอเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ที่ทางจังหวัดได้มีการศึกษาไว้แล้ว พร้อมให้ศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ ไม้ขาว ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง ด้วย
ด้านนายกวางซิก ชุน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จุง ยาง พัฒนา จำกัด กล่าวถึงการสนใจลงทุนโครงการรถไฟฟ้าของจังหวัดภูเก็ต ว่า ในส่วนของการลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาของทางบริษัทฯ นั้น จะเป็นการร่วมทุนกับบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้มีเงินที่อยู่ในกองทุนและพร้อมที่จะนำมาใช้ในการลงทุนประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา แม้ว่าที่ผ่านมาทางบริษัทจะยังไม่เคยมีการลงทุนเกี่ยวกับรถไฟฟ้ามาก่อน แต่ก็มีความพร้อมทั้งในเรื่องเทคโนโลยีซึ่งจะใช้ของประเทศเกาหลี และเม็ดเงินในการลงทุนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา
“สำหรับประเทศไทยยังไม่เคยลงทุนที่ไหนมาก่อน โดยเหตุที่เลือกลงทุนใน จ.ภูเก็ต เป็นแห่งแรก เนื่องจากมองว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้กว้างขวางมากขึ้น ประกอบกับต้องการสร้างต้นแบบของรถไฟฟ้าในเมืองท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและปราศจากมลพิษ”
นายกวางซิก ชุน กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ มีข้อมูลเบื้องต้นของทางจังหวัดภูเก็ตที่ได้มีการศึกษาไว้ตั้งแต่ปี 2549 แต่ก็จะต้องมีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และข้อเท็จจริงในปัจจุบัน รวมถึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุมฯ ซึ่งทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหม
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวเพิ่มเติมด้วย ขณะนี้มีผู้สนใจที่จะมาสร้างรถไฟฟ้ารางเบาที่จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 4-5 ราย ทั้งจากประเทศจีน และประเทศเกาหลี ทั้งนี้ขอเรียนว่าสำหรับจังหวัดภูเก็ต ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น แค่ขอให้ผู้ที่จะมาลงทุน มีความสนใจ และมีเงินพร้อมที่จะมาลงทุนในจังหวัด ภูเก็ต ถ้าบริษัทไหนพร้อม เรายินดีบริษัทที่พร้อมที่สุด เพื่อเสนอรัฐบาลต่อไป เนื่องจากว่าการลงทุนครั้งนี้ ถ้าของบประมาณจากทางรัฐบาล คงไม่มีงบประมาณที่จะจัดสรรมาเพื่อการลงทุนตรงส่วนนี้
“ภูเก็ตของเราในขณะนี้เรื่องของเส้นทางคมนาคม ก็ค่อนข้างติดขัดมากเหลือเกิน แล้วก็ถือว่าอันนี้เป็นความต้องการของพี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตด้วย ผมในฐานะผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดภูเก็ต ก็จะพยายามขับเคลื่อนให้เร็วที่สุด ก็คุยกับบริษัทนี้ ก็บอกว่าจะใช้เวลาประมาณเดือนเศษๆ รู้ตกผลึกทุกอย่างแล้ว ผมจะรีบเสนอรัฐบาลต่อไป ส่วนการกำหนดเทิร์นคีย์ สัมปทานอะไรต่างๆ ก็ดี ค่อยมาคุยในรายละเอียดกันต่อไป จะพยายามผลักดันให้เสร็จภายในปี 2554 นี้” นายตรี กล่าวในที่สุด

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บริษัทจากจีนพร้อมลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต หากจังหวัดไฟเขียว



นักลงทุนจีนหลายบริษัท เสนอตัวลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาที่ภูเก็ต โดยรายล่าสุดโอนเงินเข้าไทยแล้ว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมลงทุนหากจังหวัดไฟเขียว

เมื่อ เวลา 09.30 น.วันที่ 9 พ.ค. นางประนอม พวงกนก และคณะจากบริษัทรุ่งวดี ก่อสร้าง 1991 จำกัด ในนามตัวแทน บริษัท ทีแอลเค เรียลลิตี้ คอนสทรัทชั่น จำกัด ได้เข้าพบนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือเสนอตัวเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาที่ภูเก็ต
ทั้งนี้ภายหลังการเข้าพบของคณะดังกล่าว นายตรี ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเชิญนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต เส้นทางสนามบิน-ตัวเมืองภูเก็ต และเส้นทางสนามบิน-ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ว่า โ
ครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาที่ภูเก็ต ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจีนหลายบริษัทที่เข้ามาติดต่อกับจังหวัด และหลายๆ บริษัทต้องการที่จะทำสัญญาผูกพัน ให้จังหวัดลงนามให้เป็นผู้ลงทุนในโครงการ แต่เห็นว่าสัญญาดังกล่าวจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้เสียเปรียบ และไม่มีความชัดเจนในเรื่องของระยะเวลาการลงทุน จึงยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกบริษัทใดเข้ามาศึกษาลงทุน อย่างไรก็ตาม จังหวัดก็ได้ประกาศให้นักลงทุนทราบแล้วว่าจะเลือกบริษัทที่มีความพร้อมที่สุด ซึ่งขณะนี้จังหวัดได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเลือกบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อเสนอยังไปยังรัฐบาลแล้ว
นายตรี กล่าวว่า สำหรับบริษัท ทีแอลเค เรียลลิตี้ คอนสทรัทชั่น จำกัด เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เสนอตัวเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบา ตัวแทนบริษัทได้แจ้งให้ทราบว่า พร้อมที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งขณะนี้ผู้ร่วมลงทุนจากประเทศจีนได้โอนเงินจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐเข้ามาประเทศไทยแล้ว เพื่อลงทุนโครงการรถไฟฟ้า โดยตัวแทนบริษัทดังกล่าวขอเวลา 15 วันในการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากผลการศึกษาที่จังหวัดเคยดำเนินการไว้แล้ว หลังจากนั้นก็จะนำผู้ลงทุนและวิศวกรของบริษัทมาหารืออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้บริษัทลงนาม MOU ให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนโครงการรถไฟฟ้าที่ภูเก็ต

รายล่าสุด จังหวัดได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า ความต้องการอันดับแรกของรถไฟฟ้าที่ภูเก็ต จะต้องเป็นเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง และภายหลังจากที่มีศูนย์ประชุมฯ เกิดขึ้นที่ไม้ขาว จังหวัดต้องการที่จะให้ลงทุนเพิ่มในเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุมฯ เพื่อรองรับศูนย์ประชุมฯ ที่สร้างแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.2556” นายตรี กล่าวและว่า
สำหรับเงินลงทุนในเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง จากผลการศึกษาใช้เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท และเส้นทางจากสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุม ระยะทาง 10 กว่ากิโลเมตร คาดว่า จะต้องใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองเส้นทางประมาณการว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

สัมมนาตำรวจประสานความเข้าใจ ระหว่างตำรวจกับภาคประชาชน






เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 21 เม.ย. ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนา โครงการสัมมนาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดภูเก็ตและสถานีตำรวจ ต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในสังกัด และคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและสถานีตำรวจ (กต.ตร.) ต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
พ.ต.อ.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจภูธรภาค 8 ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการจัดสัมมนา ตามโครงการสัมมนาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดและสถานีตำรวจ ต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางการพัฒนา กต.ตร.ในทุกระดับ ประสานความเข้าใจระหว่างข้าราชการตำรวจกับประชาชนในการปฏิบัติงานร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด การจราจร ที่เกิดขึ้นในชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง กำหนดข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนาด้านการบริหารจัดการสถานีตำรวจหรือหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ ตามนโยบายของรัฐบาล
ด้านพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวตอนหนึ่ง ว่า เป้าหมายของการสัมมนาฯ มุ่งเน้นที่จะให้การประสานความเข้าใจของข้าราชการตำรวจกับภาคประชาชนเกิดประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาหน่วยงานแบบมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนอย่างแท้จริง มุ่งเน้นให้ความรู้ความเข้าใจกับคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชน เพื่อจะได้ปรับกลยุทธ์ในการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อหน่วยงาน และทราบถึงปัญหาในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด การจราจร และปัญหาอื่นๆ เพื่อนำมาเสนอแนะและกำหนดแนวทางในการพัฒนาร่วมกัน
“ภารกิจของ กต.ตร.นั้นจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการทำงานระหว่างภาคประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่จะช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” พล.ต.ต.พิกัด กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

สงขลาเฉือนชนะนครฯ 1:0 ครองแชมป์ฟุตบอลจตุรมิตร 54











วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่สนามกีฬาสะพานหิน เทศบาลนคร อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีการแข่งขันกีฬาจตุรมิตร ครั้งที่ 7 ประจำปี 2554 ซึ่งสมาคมชาวนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธี และได้ร่วมกับนายปมุข อัจฉริยะฉาย นายกสมาคมชาวนครศรีธรรมราช นายสัจจพล ทองสม นายกสมาคมชาวพัทลุงจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนจากชมรมชาวตรัง ตัวแทนชมรมชาวสงขลาจังหวัดภูเก็ต ร่วมเตะปี๊บทำพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาจตุรมิตร ขึ้นอย่างเป็นทางการด้วย โดยมีนางจุฑารัตน์ เรืองวิมล ประธานชมรมชาวสงขลา และสมาชิกของจังหวัดจตุรมิตร ทั้ง 4 จังหวัด ภูเก็ต สงขลา ตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช รวมถึงแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมจำนวนมาก

ทั้งนี้การจัดการแข่งขันดังกล่าว นายทนงศักดิ์ ศักดิ์เกษมกฤต ประธานการจัดงาน กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาจตุรมิตร ปี พ.ศ.2554 ในครั้งนี้ เป็นการสร้างความสมานสามัคคีกันในมวลสมาชิกชาวจตุรมิตร เพื่อเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายของมวลสมาชิก เพื่อสร้างกิจกรรมร่วมกันในการนำไปสู่การทะนุบำรุงให้สังคมภูเก็ตมีความเข้มแข็ง และเพื่อสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

สำหรับประเภทของกีฬาในการแข่งขันครั้งนี้ มี 3 ประเภทกีฬา โดยประเภทกีฬาฟุตบอลประเพณี ซึ่งเป็นกีฬาหลักที่ต้องแข่งขันทุกปี ผลการแข่งขันในคู่ชิงปรากฏว่า ชมรมชาวสงขลาตีประตูก่อนหมดเวลาในครึ่งหลังเอาชนะทีมชาวนครฯ ไป 1:0 ประตู ขณะที่ผลการแข่งขันในประเภทกีฬาพื้นบ้าน ซึ่งปีนี้มีกีฬาวิ่งผลัดหนีบท่อพีวีซี กีฬาวิ่งผลัดกางเกงใน และกีฬาเตะปี๊บ ปรากฏว่าพัทลุงเอาชนะในทุกรายการแข่งขัน ส่วนการแข่งขันในประเภทกีฬาเสริม มีการแข่งขันเปตอง ในคู่ชิง โดยทีมสมาคมชาวนครศรีธรรมราชเอาชนะทีมชมรมชาวสงขลา การแข่งขันสนุกเกอร์ และการแข่งขันกอล์ฟ ทีมชนะได้แก่สมาคมชาวพัทลุง คว้าถ้วยรางวัลไปครอง

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภูเก็ตเปิดบัญชีรับบริจาคเงิน ช่วยผู้ประสบภัยสึนามิที่ญี่ปุ่น




เมื่อ เวลา 13.30 น. วันที่ 16 มี.ค.ที่ห้องรับรอง ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมกันเปิดศูนย์รับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น หรือ”ภูเก็ตร่วมใจ ช่วยผู้ประสบภัยที่ญี่ปุ่น” โดยมีนายคาซูชิ มิยาชิตะ ( Kazushi Miyashita )นายกสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต ตัวแทนนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนตัวแทนกงสุลอาชีพและกงสุลกิตติมศักดิ์นานาชาติ,นักธุรกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาร่วมบริจาค พร้อมกันนี้ทางบริษัททีโอที คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) สนับสนุนติดตั้งหมายเลขโทรศัพท์ 076 216 333 และมีเจ้าหน้าที่คอยรับโทรศัพท์ด้วย

นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา หลายคนคงทราบว่ามีความรุนแรงมากเหลือเกินที่ทำลายทั้งชีวิตชาวญี่ปุ่น ทรัพย์สินและบ้านเรือน เป็นจำนวนมาก หลังจากที่ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตทราบข่าวนี้ ทำให้นึกย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547หรือ 7 ปี ที่แล้วจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ อีก 5 จังหวัดในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ประสบปัญหาธรณีพิบัติภัยหรือคลื่นสึนามิ ยังซึ้งใจชาวญี่ปุ่น เพราะปรากฏว่าในครั้งนั้นประเทศญี่ปุ่น เป็นชาติแรกๆ ที่เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือชาวภูเก็ตมากเหลือเกิน นอกจากนี้ในช่วงการจัดงานรำลึกทุกปีชาวญี่ปุ่นและสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต ยังส่งตัวแทนมาประสานงานเพื่อร่วมงานด้วย
ดังนั้นทางจังหวัดจึงเปิดศูนย์เพื่อรับบริจาคเงินและส่งไปช่วยเหลือ ชาวญี่ปุ่น ประกอบกับกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือแจ้งให้จังหวัดภูเก็ต และเข้าใจว่า น่าจะทุกจังหวัดรวบรวมเงินต่างๆ ที่ประชาชนในพื้นที่บริจาคช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นและมีกำหนดจัดตั้งศูนย์ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 มีนาคมนี้ เมื่อรวบรวมเงินได้แล้ว จะรวบรวมส่งถึงกระทรวงมหาดไทย ที่จะส่งมอบต่อกระทรวงการต่างประเทศและ ส่งให้ทางการประเทศญี่ปุ่นต่อไป

ทั้งนี้ในวันนี้นายคาซูชิ มิยาชิตะ นายกสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต และคณะเข้ามาหารือจังหวัดภูเก็ตและแจ้งว่าได้ช่วยเหลือไปส่วนหนึ่งแล้ว และมีแนวคิดตรงกันพอดี ที่พิจารณาเปิดศูนย์ขึ้นมารองรับการรณรงค์บริจาคเป็นเงินสด เนื่องจากการบริจาคเป็นสิ่งของมาให้จังหวัดรวบรวมและส่งไป จะไม่สะดวกโดย สามารถติดต่อสอบถามและบริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) เลขที่บัญชี 805-0-41578-3 และจังหวัดพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ประชาชน ชาวญี่ปุ่นรวมทั้งคนที่มาเที่ยวใน จังหวัดภูเก็ต มีโอกาสร่วมบริจาคเงินจนถึงเวลา 12.00น.ของวันที่ 26 มีนาคม 2554 หลังจากนั้น จะโอนเงินให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ นายตรี ยังได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องชาวภูเก็ตตลอดจนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในภูเก็ตร่วมกันบริจาคเงินให้การช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยสึนามิอยู่ในขณะนี้ เหมือนกับที่ชาวญี่ปุ่นได้ให้การช่วยเหลือภูเก็ตและจังหวัดอันดามัน ในช่วงที่เกิดสึนามิ รวมทั้งการในการจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากสึนามิทางสมาคมญี่ปุ่น ภูเก็ต ก็ได้ดำเนินการมาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
ทางด้านนายคาซูชิ มิยาชิตะ นายกสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงหน้าท่องเที่ยวหนาแน่นหรือไฮซีซั่น มีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นประกอบธุรกิจเกี่ยวกับบริษัทนำเที่ยว-โรงแรม,ธุรกิจดำน้ำและผู้ที่เกษียณอายุ อาศัยอยู่ในพื้นที่หาดป่าตอง และในตัวเมืองภูเก็ตมากถึงประมาณ 400-500 คน และรู้สึกดีใจ และขอบคุณมามากที่ชาวภูเก็ต ได้ร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยสึนามิโดยการจัดตั้งศูนย์รับบริจาค เพราะในปี 2547 นั้น เกิดคลื่นสึนามิ ชาวญี่ปุ่นได้มาช่วยเหลือชาวภูเก็ตมากพอสมควร จากการตรวจสอบพบว่า มีชาวญี่ปุ่นที่มาจากเมืองเซ็นได บางส่วน คือพนักงานในบริษัทดำน้ำ 1 คน มีญาติและพ่อแม่อาศัย อยู่ในพื้นที่ประสบภัย ที่ติดต่อได้ครบถ้วน แต่ เพื่อนๆ ติดต่อยังไม่ได้ รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจากเมืองเซ็นไดอยู่ในจังหวัดภูเก็ตส่วนหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ นายกสมาคมญี่ปุ่นภูเก็ต กล่าวว่า ในปัจจุบันชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ มีความต้องการด้าน น้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับใช้กับยานพาหนะและเครื่องทำ ความร้อนหรือฮีตเตอร์ เพราะว่า อากาศยังหนาวเย็นอยู่ หรือในวันนี้อุณหภูมิลดลงเหลือ 0 องศาเซลเซียสมีหิมะตก รวมทั้งผ้าห่มเวชภัณฑ์,แบตเตอรี่ สำหรับใช้กับวิทยุสื่อสาร ตลอดจนผ้าอ้อมและอาหารสำหรับเด็ก อย่างไรก็ดีการจัดส่งสิ่งของอาจจะกระทำได้ลำบากเพราะเส้นทางถนน ทางรถไฟ ในพื้นที่ประสบภัยสึนามิเสียหาย แนวทางที่เหมาะสม คือ การร่วมบริจาคเงิน ที่ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะโอนถึงทางการญี่ปุ่น และพิจารณานำไปสมทบทุนจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ประสบภัยต่อไป

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภูเก็ตขาดแคลนแรงงานกว่า 5,000 อัตรา






นายนภดล พลอยอยู่ดี จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ความต้องการใช้แรงงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีสูงมาก โดยเฉพาะในส่วนของโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ผู้ให้บริการในโรงแรม พนักงานขาย ช่างซ่อมบำรุงหรือช่างไฟฟ้า พนักงานบัญชีหรือธุรการ
รวมทั้งพนักงานทำความสะอาดและพนักงานรักษาความปลอดภัย โดยมีตำแหน่งงานว่างมากว่า 5,000 ตำแหน่ง แต่ปัจจุบันมีผู้สมัครงานไม่มากนัก ซึ่งสาเหตุที่จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก ก็เนื่องจากปัจจุบันนี้เศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอยู่ในระดับดีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมากทำให้โรงแรมต่างๆและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีความต้องการที่จะใช้พนักงานจำนวนมาก
ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต จึงได้ให้มีการจัดงานนัดพบแรงงานย่อยขึ้น เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่กำลังหางานทำ ตลอดจนถึงนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังเข้าสู่การปิดภาคเรียนให้มีงานทำในช่วงเวลาปิดภาคเรียน นอกจากนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทางจังหวัดภูเก็ต กำหนดนำผู้ประกอบการเดินทางไปรับสมัครงานในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค.นี้ด้วย เพื่อเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาทำงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญ เป็นการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในพื้นที่โดยผู้สมัครจะได้พบกับเจ้าของกิจการโดยตรง และสามารถสอบสัมภาษณ์ ณ วันสมัครได้เลย ซึ่งผู้สมัครไม่ต้องเดินทางมาสมัครที่ภูเก็ต ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

รมว.สาธารณสุข เปิดรพ.4 มุมเมือง - วางศิลาฤกษ์อาคาร

















เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และพี่น้องชาว อสม.ภูเก็ต ร่วมต้อนรับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในโอกาสมาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลถลาง ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณฯ ประจำปี 2553 จำนวน 100,206,000 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก และบำบัดรักษา เป็นอาคาร 4 ชั้น ทำให้โรงพยาบาลมีสถานที่เพียงพอสำหรับผู้มาใช้บริการ
หลังจากนั้นรัฐมนตรีฯ ได้เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต สาขาหยี่เต้ง หรือโรงพยาบาล 4 มุมเมือง เพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยนอกที่มาใช้บริการของโรงพยาบาลขนาดใหญ่
เป็นประธานวางศิลาฤกษ์อาคารหลวงพ่อแช่ม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ภูเก็ต เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้มารับบริการ และลดปัญหาเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ และท้ายสุดรัฐมนตรีฯ ได้เป็นประธานเปิดงานเส้นทางสุขภาพดีที่จังหวัดภูเก็ต ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งในงานเส้นทางสุขภาพฯ มีพิธีเปิดกองทุนเพิ่มไอโอดีน เพิ่มไอคิว จ.ภูเก็ต แจกหมวกกันน็อคให้กับเจ้าหน้าที่ และการลงนามความร่วมมือระหว่างผู้อำนวยการโรงพยาบาลรัฐ เอกชน และสมาคมสตรีภูเก็ตเพื่อเฝ้าระวังมะเร็งปากมดลูก
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังได้มอบนโยบายสารธารณสุขให้แก่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ และอสม. รวมทั้งมีนิทรรศการความรู้ต่างๆ ด้านสุขภาพ จากศูนย์มะเร็งจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ ความรู้เรื่องไอโอดีน มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ แพทย์แผนไทย อาหารปลอดภัย To Be No 1 โครงการสนองน้ำพระทัยในหลวง จิตอาสา โรงพยาบาล 3 อี หมวกกันน็อค 100% การดูแลผู้ป่วยเบาหวานครบวงจร แพทย์ทางเลือก การฝังเข็ม และสาธารณสุขเพื่อการท่องเที่ยว
ทั้งนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงการเปิดโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตสาขา หรือโรงพยาบาลสี่มุมเมือง ว่า เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการแก้ไขปัญหาความแออัดของผู้ป่วยที่จะเข้าไปยังโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัด และเป็นการเปิดโอกาสการเข้าถึงการบริการสาธารณสุข และบริการส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งการแก้ไขปัญหาความแออัดภายในโรงพยาบาลนั้นได้กำหนดมาตรการในการดำเนินการไว้ 3 มาตรการประกอบด้วยมาตรการเพิ่ม/ขยายพื้นที่การให้บริการ มาตรการการขยายเวลา และมาตรการในการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วย
สำหรับโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เป็นโรงพยาบาลแรกที่เปิดให้บริการโรงพยาบาลสาขาหรือโรงพยาบาลสี่มุมเมือง ซึ่งหลังจากนี้อาจจะขยายไปในมุมเมืองต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตเพื่อให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ส่วนโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วทั้งประเทศก็จะต้องดำเนินการเช่นเดียวกันซึ่งขณะนี้อาจจะมีหลายๆ โรงพยาบาลที่ดำเนินการแล้วแต่ยังไม่มีการเปิดอย่างเป็นทางการ การเปิดโรงพยาบาลสาขานั้นสามารถช่วยประหยัดงบประมาณในการสร้างตึกไปได้จำนวนมาก
ส่วนปัญหาเรื่องของบุคลากรมีไม่เพียงพอนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา และภายใน 6 ปีนี้คิดว่าจะสามารถผลิตแพทย์ออกมาได้เพียงพอกับความต้องการ ส่วนในขณะนี้แพทย์พยาบาลที่เข้ามาให้บริการในโรงพยาบาลสาขาเป็นแพทย์พยาบาลชุดเดียวกับที่ให้บริการในโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัด
นายจุรินทร์ กล่าวถึงโครงการส่งเสริมให้สถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลด้วยว่า ภายในปีนี้จะต้องดำเนินการได้เสร็จทั้งหมด สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีจำนวน 21 แห่งนั้นจะ

ตำรวจภูเก็ต เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินสายด่วน 191 หมายเลขเดียวทั่วทั้งเกาะ








เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 10 มี.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน191 โดยมี พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต และข้าราชการตำรวจ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาศูนย์บริการประชาชน ที่สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน โดยการพัฒนาปรับปรุงระบบสารสนเทศและการสื่อสาร โทรศัพท์สายด่วน 191 ซึ่งหน่วยงานตำรวจส่วนใหญ่มีการใช้งาน และเป็นที่จดจำของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ให้เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ที่สามารถควบคุมและสั่งการปฏิบัติที่มีเอกภาพ เรียกว่า ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัด ในแต่ละจังหวัดเพียงแห่งเดียว
ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกองตำรวจสื่อสาร จัดทำ “โครงการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตำรวจภูธรจังหวัด” ขึ้น ตามโครงการระยะที่ 1 และ 2 รวมจำนวน 20 จังหวัด และสำหรับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อยู่ในโครงการระยะที่ 3 ประกอบด้วย 5 จังหวัด คือ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ นราธิวาส และภูเก็ต
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวอีกว่า การปรับปรุงศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 นี้ มีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข 191 เพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น ณ ที่ใดก็ได้ทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือ หรือระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที เพราะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินที่สูญเสียไป ทำให้ประชาชนไม่สับสน ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินอีกต่อไป
“หลังจากนี้การแจ้งเหตุจากทุกพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ตจะเข้าตรงไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน191 ทั้งหมด และการรับแจ้งเหตุก็จะมีการเก็บข้อมูลและบันทึกเสียงเพื่อเก็บไว้ตรวจสอบ เชื่อว่าการเปิดศูนย์ดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้เร็วขึ้นภายในไม่กี่นาที นอกจากนั้นยังช่วยลดปัญหาการโทรศัพท์เข้ามาก่อกวนได้อีกด้วย”
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวต่อไปอีกว่า การจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแบบใหม่นี้ ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่นเดียวกับศูนย์ Call Center ของภาคเอกชน โดยระบบจะจัดการเสียงและข้อมูลแจ้งเหตุในรูปแบบดิจิตอล ส่งผ่านไปยังสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุจากบุคคลและอุปกรณ์ ในการจดบันทึกเหตุและการประสานงานที่ไม่ชำนาญของเจ้าหน้าที่ สามารถสืบค้น รวบรวมข้อมูล ทั้งฐานข้อมูลบุคคล แผนผังสถานที่ในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และที่สำคัญประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา
“ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแบบใหม่นี้ ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่นเดียวกับศูนย์ Call Center ของภาคเอกชนมาใช้ โดยระบบจะจัดการเสียงและข้อมูลแจ้งเหตุในรูปแบบดิจิตอล ส่งผ่านไปยังสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุจากบุคคลและอุปกรณ์ ในการจดบันทึกเหตุและการประสานงานที่ไม่ชำนาญของเจ้าหน้าที่ สามารถสืบค้น รวบรวมข้อมูล ทั้งฐานข้อมูลบุคคล แผนผังสถานที่ในจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และที่สำคัญประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา”

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

วางศิลาฤกษ์สถานปฏิบัติธรรมนานาชาติท่าฉัตรไชย
















เมื่อเวลา 13.45 น.วันที่ 2 มี.ค. ที่บริเวณวัดท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้มีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สถานปฏิบัติธรรมนานาชาติท่าฉัตรไชย ซึ่งทางองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ร่วมกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พุทธสมาคมจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดภูเก็ต จัดสร้างขึ้น โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายแผน วรรณเมธี ประธาน องค์การ พ.ส.ล. นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานฝ่ายฆารวาส ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารองค์การ พ.ส.ล. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมากนายแผน วรรณเมธี ประธาน องค์การ พ.ส.ล.กล่าวว่า การจัดสร้างสถานปฏิบัติธรรมนานาชาติท่าฉัตรไชยนั้น เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 84 พรรษา ในปี 2554 เป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงความจงรักภักดี และเผยแพร่พระเกียรติคุณ น้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งนี้เหตุที่องค์การ พ.ส.ล.สร้างสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวขึ้นที่ จ.ภูเก็ต เนื่องจากเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตไม่มีสถานปฏิบัติธรรมสำหรับชาวต่างชาติที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับพุทธศาสนาเลย ทั้งๆ ที่ จ.ภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูง เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวปีละ 4-5 ล้านคน ชาวต่างชาติจากนานาประเทศจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวพุทธในประเทศไทย และเป็นการเรียนรู้พระพุทธศาสนาตามหลักที่ถูกต้อง เพื่อเอื้อต่อการศึกษา และปฏิบัติธรรมอันเป็นพื้นฐานการเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงต่อไปในส่วนของการสอนการปฏิบัติธรรมนั้น ทางองค์การ พ.ส.ล.ได้ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศาราม พระธรรมบัณฑิต วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาวางแผนการอบรมและการสอนปฏิบัติธรรมให้แก่ชาวต่างชาติเป็นประจำตลอดทั้งปีอย่างไรก็ตามสำหรับอาคารที่ก่อสร้างนั้น เป็นอาคารโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น ผนังภายนอกก่ออิฐโชว์ทั้งหลัง เป็นลักษณะอาคาร 2 หลังประกอบกัน มีทางเชื่อมชั้นบนอาคารเป็นสถาปัตยกรรมร่วมระหว่างตะวันตกกับตะวันออก คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปีเศษ

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทูตอังกฤษห่วงปัญหาสูญเสียนทท.จากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์









เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตต้อนรับ นายอาสิฟ อามาด (Mr.Asif Ahmad) เอกอัคราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ในโอกาสเดินทางเข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะ โดยมีนายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต ร่วมต้อนรับ ที่ห้องทำงานผู้ว่าฯ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
โดยนายอาสิฟ กล่าวว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษมาเที่ยวประเทศไทยประมาณ 850,000 คน และตนพูดได้ว่าเกินกว่าครึ่งเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวอังกฤษและชาวอังกฤษที่พำนักอยู่ที่ภูเก็ต ต่างมีช่วงเวลาที่ดีที่ได้อยู่ที่นี้ แล้วก็มีบ้างที่มีปัญหา
“ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของเราคือการให้ความรู้และให้คำแนะนำประชาชนของเราเอง นักท่องเที่ยวไม่ควรทำการใดๆ ในไทยที่เค้าไม่ทำในอังกฤษ เช่น ไม่มีใครในอังกฤษที่จะขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย มันเป็นไปไม่ได้เลย เค้าจะถูกจับภายในเวลา 5 นาที เรามีการสูญเสียผู้คนจำนวนมากจากการขี่มอเตอร์ไซค์ที่ภูเก็ต เป็นจำนวนที่น่าเป็นกังวล ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการจะแก้ไข”
นายอาสิฟ กล่าวอีกว่า ทางตนจะกลับมาที่ภูเก็ตอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อที่จะรณรงค์และอธิบายแก่นักท่องเที่ยวถึงความปลอดภัยเบื้องต้น รวมทั้งการไม่ว่ายน้ำในช่วงที่มีมรสุม
นอกจากนี้ นายอาสิฟ ยังได้กล่าวถงกรณีเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ และคดีข่มขืนด้วยว่า ตนได้มีการพูดคุยกับตำรวจในเรื่องอาชญากรรมและการคุกคามทางเพศต่อผู้หญิง หากพวกผู้หญิงเหล่านั้นถูกทำร้าย ไม่ว่าพวกเธอจะเป็นชาวไทย รัสเซีย หรืออังกฤษ ปัญหาก็ไม่ได้แตกต่างกัน
ทั้งนี้ตนได้เสนอไปว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลในเรื่องนี้ไม่ควรเป็นเจ้าหน้าที่ชาย แต่ควรจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อที่จะดูแลเกี่ยวกับกับเรื่องนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ควรจะมี และนอกจากนี้ทางตน และอีกอย่างตนอยากที่จะหาผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษมาร่วมกันให้คำแนะนำถึงเรื่องการข่มขืนและการดำเนินคดีทางกฎหมาย นายอสิฟ กล่าวในที่สุด

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

พระอาทิตย์ตกที่หาดนุ้ย















หาดนุ้ย แหล่งท่องเที่ยวของภูเก็ต ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเขียวขจี และท้องทะเลสวยของภูเก็ตไว้


หาดนุ้ย จัดเป็นหาดที่สวยงามไม่แพ้หาดใดในภูเก็ต ทั้งในเรื่องของโขดหินสวย ชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลใส เหมาะสำหรับดำน้ำดูปะการัง และความหลากหลายของสัตว์น้ำนานาชนิดใต้ทะเล อีกทั้งหาดนุ้ยยังแวดล้อมไปด้วยป่า เขา และต้นไม้ ที่ไม่มีให้เห็นในแหล่งท่องเที่ยวอื่นของภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นที่หาดป่าตอง หาดราไวย์ หรือแม้กระทั่งที่หาดกะตะ กะรน ฯลฯ


ยามเย็น หาดนุ้ยสร้างความมหัศจรรย์เสมอ แก่ผู้มาเยือน โดยเฉพาะช่วงก่อนพลบค่ำ ท้องทะเลหาดนุ้ย จะถูกอาบด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ ณ ขณะคล้อยต่ำ เพื่อดิ่งสู่ท้องทะเล ไปพร้อมๆ กับความเงียบสงบของหาดนุ้ย ช่างให้ความรู้สึกโหยหา อบอุ่น ที่ยากจะไขว่คว้าไว้ได้



หาดนุ้ยเป็นหาดเล็กๆ สมชื่อ มีชายหาดยาวเพียง 200 เมตร ตั้งอยู่ หมู่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ตไม่ไกลจากหาดในหาน และแหลมพรหมเทพมากนัก ถ้าเดินทางมาจากบ้านไสยวน จะมีทางเข้าซ้ายมือก่อนถึงจุดชมวิวสามหาดกะรน (มองเห็นทั้งหาดกะตะ หาดกะตะน้อย และหาดกะรน) แล้วเลี้ยวเข้าไป ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงหาดนุ้ยแล้ว



หาด นุ้ยเป็นหาดส่วนตัว เหมาะสำหรับเล่นน้ำ ตกปลา แค้มป์ปิ้ง หรือจัดงานปาร์ตี้ต่างๆ ผู้มาเยือนหาดนุ้ย เป็นนักท่องเที่ยวเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติและส่วนตัว บริเวณหาดนุ้ย มีร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ที่เข้ากับบรรยากาศ อีกทั้งบริการเพื่อการพักผ่อนที่แสนจะสะดวกสบาย แก่ผู้มาเยือน



หาดนุ้ย ยังคงรอการมาเยือนของผู้ที่รัก และหลงใหลในธรรมชาติเสมอ