วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

ชาวเล 6 จังหวัดอันดามัน ประชุมหาทางออกปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน

กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล 6 จังหวัดอันดามัน ประชุมหาทางออกปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ระบุหลังมีมติ ครม.ช่วยเหลือชาวเล การแก้ไขปัญหาไม่คืบ พร้อมถกกรณีชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก จ.ภูเก็ต 17 คนออกหากินในทะเลอันดามันถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง จับกุม
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ม.ค.2554 ที่ศาลาประชาคม อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการสัมมนาเครือข่ายผู้เสียโอกาสคนจนเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อการปฎิรูป กรณี กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล โดยมีตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล จาก 6 จังหวัดอันดามัน 100 คน เข้าร่วมสัมมนา
นายสนิท แซ่ซั่ว ตัวแทนกลุ่มกลุ่มชาติพันธ์ชาวเลพื้นที่อันดามัน กล่าวว่า หลังจากเกิดอุบัติภัย สึนามิทำให้กลุ่มพี่น้องชาวเลเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในขณะเดียวกันปัญหาที่มีอยู่ดั้งเดิมและปัญหาใหม่ๆ ก็ยังคงรุมเร้าและทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น มีทั้งปัญหาการร้องเรียนในเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัย และการทำกินในทะเลรวมถึงวิถีชีวิต ขณะที่ชาวเลเองได้มีการรวมตัวกันจัดทำข้อมูล ประสานหน่วยงานราชการนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหา กระทั่งล่าสุดได้มีมติ ครม.เห็นชอบในหลักการแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลตามแนวทางจัดทำพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษชาวเล เมื่อ 2 มิ.ย.2553
แต่ปรากฏว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2553 ชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก จ.ภูเก็ต จำนวน 17 คน ได้ออกทำการประมงในทะเลอันดามัน โดยนำสัตว์น้ำที่จับได้ไปขึ้นที่ท่าเรือชั่วคราวหาดยาว หมู่ที่ 6 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง และได้ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ทำการจับกุมพร้อมยึดเรือและของกลางซึ่งประกอบด้วย หอยหน้ายักษ์หรือหอยสังข์หนาม หอยสังข์แดง ซึ่งถือว่าเป็นการจับกุมที่ไม่เป็นธรรมเนื่องจากสัตว์น้ำที่ชาวเลจับได้ มิได้เป็นการจับสัตว์น้ำในเขตอุทยาน รวมถึงหอยทั้งสองชนิดที่ถูกยึดเป็นของกลางก็มิได้เป็นสัตว์สงวนต้องห้ามแต่อย่างใด ล่าสุดคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและมีการปล่อยตัวชั่วคราว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำสั่งพนักงานอัยการว่ามีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่อย่างไร
จากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เห็นชัดว่า มติ ครม.เป็นเพียงลายลักษณ์อักษรทางเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานของรัฐเองมิได้นำพาไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง การสัมมนาในครั้งนี้จึงเป็นการประชุมเพื่อหารือพร้อมนำเสนอปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาไปยังภาครัฐ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
ด้านนางปรีดา คงแป้น คณะกรรมการสมัชชาปฎิรูปฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่าชุมชนชาวเลที่กระจายอยู่ใน 6 จังหวัดอันดามันกว่า 30 ชุมชน ยังคงประสบปัญหาทั้งด้านความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัยเพราะไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน ปัญหาที่ทำกินอยู่ในเขตอุทยาน เขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำ และถูกเอกชนกำหนดเขตท่องเที่ยว ปัญหาสุสานและสถานที่ประกอบพิธีกรรมถูกรุกรานจากการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และอื่นๆ เนื่องจากชาวเล เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่รักความสงบ วิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ไม่มีความรู้และมักถูกเอาเปรียบ จึงเป็นกลุ่มที่เปราะบาง หากไม่มีการปกป้องจากสังคมอาจมีโอกาสสูญเสียความหลากหลายทางวัฒนธรรมในพื้นที่อันดามันได้
การจัดสัมมนาขึ้นในครั้งนี้เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอย่างมีระบบมากขึ้น เพื่อจัดทำข้อมูลและประเด็นปัญหาที่เป็นปัจจุบันนำไปสู่การวางแผนและการทำงานเพื่อพัฒนากลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล รวมถึงการเรียนรู้สถานการณ์กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในประเทศ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น